วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการทำสีผมอย่างไรไม่ให้ด่าง

1 ความคิดเห็น
                       
              เทคนิคการทำสีผมอย่างไรไม่ให้ด่าง
เทคนิคการทำสีผมอย่างไรไม่ให้ด่าง








1.อย่าแบ่งผมหนา อย่ายกช่อผมทำสี ให้ใช้ฝ่ามือรอง แล้ว        ทำการลงครีมเปลี่ยนสีสม่ำเสมอกันไหม ตั้งแต่โคนผมจรด    ปลายผม มีสีกองเป็นจุดๆหรือไม่ หลังจากลงสีแล้วช่วงรอเวลา  ให้ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางเกลี่ยสีให้เสมอกัน


Read full post »

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เกร็ดความรู้เรื่อง การปรับลด% ไฮโดรเยนด้วยตัวเอง

2 ความคิดเห็น



วิธีการลด % ของไฮโดรเยนด้วยตัวเอง


1. ใช้ไฮโดรเยน 12%   อัตราส่วน 1 ส่วน +  น้ำ ส่วน จะได้ไฮโดรเยน 6%




2. ใช้ไฮโดรเยน 12%   อัตราส่วน 3 ส่วน  น้ำ ส่วน จะได้ไฮโดรเยน 9%

3.ใช้ไฮโดรเยน 9%   อัตราส่วน 3 ส่วน  น้ำ ส่วน จะได้ไฮโดรเยน 6.75%



4. ใช้ไฮโดรเยน 9%   อัตราส่วน 1 ส่วน  น้ำ ส่วน จะได้ไฮโดรเยน 4.5%

5. ใช้ไฮโดรเยน 6%   อัตราส่วน 1 ส่วน  น้ำ ส่วน จะได้ไฮโดรเยน 3%




6. ใช้ไฮโดรเยน 3%   อัตราส่วน 1 ส่วน  น้ำ ส่วน จะได้ไฮโดรเยน 1.5%

*หมายเหตุ* ควรใช้น้ำดื่มที่สะอาดนะครับ

ในกรณีที่ไฮโดรเยนหมด  เราสามารถใช้วิธีนี้ทดแทนกันได้ ไฮโดรเยนที่มี % สูงสามารถทำให้ตํ่าได้ แต่ไฮโดรเยนที่มี % ตํ่า ทำให้สูงไม่ได้ครับ ควรจะผสมเท่าที่จะใช้พอ เพราะถ้าผสมแล้วเก็บไว้จะทำให้เสียได้ครับ


Read full post »

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเส้นผม

0 ความคิดเห็น
Farger


ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเส้นผม


ผม หมายถึง ขนที่งอกปกคลุมหนังศรีษะของมนุษย์ เส้นผมก็คือเคราติน เคราตินที่ว่าก็คือ โปรตีนสกัด 19 ชนิด มาประกอบเป็นเส้นผมเกลียวเคราติน เกลียวเคราตินที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน และแร่ธาตุ C,H,N,Pและ S 

ผมถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เส้นผม hair shaft เป็นส่วนที่งอกเหนือ หนังศรีษะ และ รากผม hair root เป็นส่วนฝังอยู่ใต้หนังศรีษะ เส้นผม hair shaft เป็นเซลล์ส่วนที่ตายแล้ว ไม่มีชีวิตและความรู้สึกเป็นส่วนที่งอกเจริญยาว ออกมาปกคลุมศรีษะ มีลักษณะ โครงสร้าง ภายในต่างกันไปสำหรับผมชนิดต่างๆ ทำให้ปรากฏให้เห็นภายนอกได้ต่างกัน เช่น ผมเหยียดตรง ผมหยักศก ผมสีดำ ผมสีบรอนด์ ผมสีน้ำตาล เป็นต้น ถ้านำเส้นผมมาตัดขวาง จะแยกส่วน ประกอบ ได้ 3 ชั้น คือ



1. ผิวนอก Cuticle อยู่ชั้นนอกสุด โปร่งแสงไม่มีสี เป็นเกล็ดใสๆ ที่เรียงซ้อนกันแบบเกล็ดปลา เรียกว่า keratinized cell รอบเส้นผม ประกอบด้วยคีราตินชนิดแข็ง hard keratin เป็นส่วนใหญ่ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ช่วยป้องกันการซึมผ่านของสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปทำลายเส้นผม และยังปกป้องชั้นเนื้อผม ไม่ให้สูญเสีย ความชุ่มชื้น,เม็ดสี รวมถึงน้ำมันตามธรรมชาติซึ่งช่วยให้ ผมดูเป็นเงา เกล็ดผมจะเปิดก็ต่อเมื่อมีความร้อนความชื้นทั้งจากธรรมชาติและเคมีบ้างตัวเข้ามาทำปฏิกิริยากับเส้นผมเป็นที่สังเกตว่าผมที่สุขภาพดีเกล็ดผมจะปิดและเรียงตัวกันดีส่วนผมที่เริ่มแห้งเสีย เกล็ดผมจะฉีกขาดและไม่สามารถเรียงตัวปิดได้ทำให้เกล็ดผมไม่สามารถปกป้องความชุ่มชื้นภายในและทำให้แห้งเสียเพิ่มขึ้นหากขาดการบำรุง

2. เนื้อชั้นนอก Cortex เป็นชั้นที่มีความหนาที่สุด ประกอบด้วยเซลล์รูปกระสวยล้ายเส้นใยเรียงอัดกันแน่นตามยาว เนื้อผมชั้นนอกเป็นแหล่งรวม ของเม็ดสี pigmentเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ตัวกำหนดสีผม มีช่องอากาศ air space โปรตีน เคราติน และเส้นใยโปรตีนที่เกาะเกี่ยวกันกำหนดโครงสร้างตามธรรมชาติ ช่วยให้ผมมีความนิ่ม ยืดหยุ่น

3. แกนผม Medulla แกนผมเกิดจากโปรตีนเคราติน และไขมัน แกนผมไม่มีบทบาทในการทำงาน ส่วนมากจะพบในผมที่มีสภาพแข็งแรง และผมเส้นเล็กมักไม่มีแกนผม


สิ่งที่มีอิทธิพลต่อเส้นผม

1. ฮอร์โมน 
ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์เป็นตัวที่กระตุ้นให้ผมงอกเร็ว ในขณะที่สเตียรอยด์ฮอร์โมนระงับการงอกของผม



2. อาหาร
วิตามินบีรวม ซึ่งมีมากในยีสต์และโยเกิร์ต จำเป็นต่อการเจริญตามปกติของเส้นผม ส่วนวิตามินเอ ยับยั้งการเจริญของเซลล์ผิวทำให้ผมงอกช้าการได้รับวิตามินเอมากผิดปกติจะเป็นสาเหตุ ของผมร่วงได้ นอกจากนี้การขาดอาหารโปรตีน ทำให้ผมเปราะบาง และร่วง เส้นผมไม่มีสี เป็นต้น



3. สภาพแวดล้อมของอากาศ 
มีรายงานพบว่าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิประจำวันไม่มีผลต่ออัตราการงอกของเส้นผม แต่มีผลต่อสภาพเส้นผม เช่น การถูกความร้อนมาก การตากแดดจะทำให้ ผมแห้งกรอบและเปราะ เช่นเดียวกับการอบและการดัดผม ความชื้นในอากาศต่ำผมจะแห้งเพราะปล่อยน้ำออกมาทำให้เกิดประจุไฟฟ้า เป็นสาเหตุของผมชี้ฟู ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม และดีที่สุดสำหรับผมคือ 40-60% 



4. สภาพบางอย่างของโรค 
โรคขาดโปรตีนี่เรียกว่า kwashiorkor ทำให้ผมเปราะบาง และไม่มีสี หรือความเป็นพิษของโลหะหนักบางชนิด หรือการเป็นรังแคเนื่องจากการติดเชื้อมีโอกาสที่ทำให้ผมร่วงได้



5. สารเคมี
สารเคมีบางชนิดโดยเฉพาะสารลดแรงตึงผิว อาจระคายเคืองต่อหนังศรีษะ และส่งผลทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน หรือทำให้ผมหยาบกระด้าง เพราะสารชำระล้างอย่างแรง และขจัดไขมันตาม ธรรมชาติของเส้นผม ทำให้ผมแห้ง การยืดผมและดัดผม การทำสีผม ก็ทำให้ผมแห้งเสีย



สภาพของเส้นผมแบ่งออกเป็น 3 ชนิด

1. ผมแห้ง dry hair 
เส้นผมมีลักษณะกรอบหยาบกระด้าง แห้ง ไม่เงางาม ขาดง่าย และเปราะ เนื่องจากเส้นผมขาดน้ำมัน lipid และ lipoprotine และความชุ่มชื้น หรือเกิดจากสภาพผิวชั้นนอก cuticle ถูกทำลายไปจากความเป็นด่างมากเกินไปของแชมพูสระผม หรือจากการเป่าผมบ่อยๆ หนีบผมบ่อยใช้ความร้อนสูง ทำเคมีซํ้าซ้อน

2. ผมมัน oily hair 
เส้นผมมีลัษณะมันเยิ้ม มองดูคล้ายสกปรก ไม่มีชีวิตชีวา ปวกเปียกไม่ยืดหยุ่น เกิดจากต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันมากเกินไป เป็นสาเหตุหนึ่งของรังแคเปียกและผมร่วง

3. ผมธรรมดา normal hair 
เป็นเส้นผมที่มีสุขภาพดี แลดูมีน้ำหนัก อ่อนสลวย เงางามเป็นประกาย มีน้ำหนักจัดทรงง่าย





**เมื่อเราได้เรียนรู้เกียวกับโครงสร้างเส้นผมแล้ว เราก็จะทราบแล้วว่าองศ์ประกอบสำคัญของเส้นผม คือ เคราติน **








เรียนรู้วิธีการทำเคมีอย่างไรที่ถนอมเส้นผม ???

เมื่อเคราตินที่มีในผมถูกทำลายไป วิธีใดบ้างที่จะเติมเคราตินเข้าไปเสริม???

การทำเคมีที่ทำกันบ่อยมีอะไรบ้าง??? 


ตอบ   ยืดผม ดัดผม ทำสีผม งานเคมีเหล่าล้วนทำลายเคราตินและโครงสร้างผม 
โครงสร้างผมและเคราตินเมื่อถูกทำลายสภาพผมก็จะแห้ง เกล็ดผมอาจฉีกขาด ความนุ่มเงางามจะหายไป การยืดผมและดัดผม เคราตินในผมถูทำลายไป 40-50% การทำสีผมเคราตินในผมถูกทำลายไป 30-35% การเกาะตัวกันของเกลียวเคราติน จะต้องมีกรดเกลือ ไฮโดรเยน และกำมะถันเป็นส่วนช่วยทำให้เกิดการยึดเหนี่ยวกันของเกลียวเคราตินแต่ละเส้น และแต่งละห่วงโซ่ 



ดังนั้นเวลาเราทำดัดผม หรือยืดผม เราจะไปทำการเปลี่ยนแปลงแขนกำมะถันที่ทำการยึดเกลียวเคราตินให้มีการแตกตัว เพื่อจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเส้นผม ช่วงที่เคราตินในเส้นผมมีการแตกตัว จึงจะมีกลิ่นแบบไข่เน่า เหม็นนั่นแหล่ะ ทำให้เป็นคำตอบว่า ต่อให้น้ำยาดีแค่ไหน ตอนขณะทำก้อต้องเหม็น เพื่อเราจะรู้ว่า ในขณะนั้นเกลียวเคราตินมีการแตกตัว แต่น้ำยาดี จะรู้ตอนที่ทำเสร็จแล้วไม่มีกลิ่นทิ้งค้างไว้


และเสริมประสิทธิ์ภาพในการยืดผม ดัดผม สีผม โดยการเติม ฟาเกอร์ เซรั่มเคราติน ช่วยให้ผมเงางาม และแข็งแรง แต่ผมจะไม่นุ่ม 




เทคนิคเสริมเคราตินเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและเงางาม






หมักทรีทเม้น + เซรั่มเคราติน สูตรเข้มข้น  Farger Fashion care Experts (serum) KERATIN 






วิธีใช้ ให้หยดเซรั่มเคราตินลงถ้วยเคมีที่จะทำให้กับลูกค้า ยกเว้นดัด ก่อนดัดให้ทาเซรั่มเคราตินที่เส้นผมเลย ให้หยดลงที่ฝามือ แล้วลูบให้ทั่วทั้งทั่งสองฝามือ แล้วจึงมาลูบที่ผมที่หมาดนํ้า แต่ถ้าเป็นยืดหรือสีผมให้หยดลงในถ้วยได้เลย ปริมาณเซรั่มเคราติน ที่ใช้กับสภาพผมที่แข็งแรง 5-10 หยด ผมแห้งเสีย 10-20 หยด แล้วคนให้เข้ากัน และใช้ร่วมกับทรีทเม้นอบไอนํ้า แชมพูสระผม ใส่ก่อนไดร์หนีบผมป้องกันความร้อน ลูบไล้ที่ก่อนลงสระนํ้าป้องกันคอรีนและกัน UV เซรั่มเคราตินจะเข้าไปในแกนผม ทำผมแข็งแรงและเงางามขึ้น










Read full post »

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคและวิธีการลดอาการระคายเคืองระหว่างการทำสีผม

1 ความคิดเห็น


พราะสภาพหนังศรีษะของทุกคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นช่างจะต้องมีการเช็คหนังศรีษะของลูกค้าก่อนทำหรือไม่ สอบถามเบื้องต้นว่าลูกค้าได้เกาหนังศรีษะมาก่อนหรือไม่ หากมีการเกาหนังศรีษะเมื่อมีอาการคัน เมื่อคันก็ยิ่งเกาๆมาก หนังศรีษะจะถลอก มีรอยแดงๆ มีแผล เป็นรังแค 
การเป็นรังแคมีอาการคันและหนังศรีษะหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆทำให้หนังศรีษะบางลง ซึ่งเป็นสาเหตูของการแสบ มีผื่น มีตุ่มก็แสบได้ มีตัวกรีนซองใส่ที่หนังศรีษะก่อนทำเคมี ลดอาการแสบ ร้อนหนังศรีษะ เวลาลูกค้าแสบถามลูกค้าว่าแสบทั้งศรีษะหรือแสบเฉพาะจุด และถ้าเจอลูกค้าแสบหนังศรีษะ ให้ใช้ไดร์เป่าผมเปิดลมเย็นเป่า ช่วยได้ระดับหนึ่ง หรือใช้กระปอกฉีดนํ้าฉีดบริเวณที่แสบจะดีขึ้นครับ และก่อนลงเคมีลงกรีนซองที่หนังศรีษะให้ทั่วก่อนจะช่วยได้ครับ




ทคนิคการลงสี และ การใช้กรีนซอง
  • ทำสีส่วนปลายเว้นโคนผม 1/2ซ.ม ปลายผมได้ลงโคนผม ก่อนลงโคนผมผสมนํ้า2ช้อนโต๊ะ
  • ทำสีส่วนปลายเว้นโคนผม 1/2ซ.ม ปลายผมได้ลงโคนผม ก่อนลงโคนผมผสมทรีทเม้นออเนอส 2ช้อนโต๊ะ
  • การผสมให้บีบสีที่จะทำลงในถ้วยทุกสีที่ต้องการใช้ แล้วคนสีให้แตกผสมกัน สัก 2-3 นาที แล้วจึงเทไฮลงไป แต่ไม่ควรทิ้วนานเกิน จะทำให้เนื้อสีดำ
  • ลงกรีนซองที่หนังศรีษะ โดยแบ่งผมเป็นช่อๆ แล้วนวดหนังศีรษะ เพื่อให้เนื้อเซรั่มซึมทั่วบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เย็นสบายหนังศรีษะ ป้องกันอาการระคายเคือง


สาเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ระคายเคืองหนังศรีษะ

  • ไม่มีการเช็คสภาพหนังศรีษะก่อนทำสีหรือเคมี
  • หนังศรีษะมีปัญหา เช่น การเกาหนังศรีษะเมื่อมีอาการคัน เมื่อคันก็ยิ่งเกาๆมากหนังศรีษะจะถลอก  มีแผล มีรอยแดงๆจากการเกา  แล้วลงสีผมที่หนังศรีษะก็จะแสบ
  • หนังศรีษะมีผื่นแดง มีตุ่มแดงก็แสบได้ 
  • การฟอกสีผมใช้ผงฟอก ลงถึงหนังศรีษะรอบเดียวหรือหลายรอบก็ทำให้แสบได้
  • ลูกค้าแพ้เคมีหนังศรีษะแพ้ง่าย ทิ้งเคมีที่หนังศรีษะนานมากเกินไป
  • เป็นรังแค การเป็นรังแคมีอาการคันและหนังศรีษะหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆทำให้หนังศรีษะบางลง ซึ่งเป็นสาเหตูของการแสบหนังศรีษะ
  • ทำสีผมใช้ไฮ12% ลงที่หนังศรีษะ
  • ใช้แชมพูที่มีค่าPHสูง  ทำให้หนังศรีษะบาง แห้ง ลอกได้ แชมพูปกติทั่วไปมีค่าPH 6-7 แชมพูที่มีค่าPH 9 เป็นแชมพูที่มีค่าPHสูงมาก
  • ทำเคมีซํ้าซ้อน และบ่อยมาก ใน 1 เดือนทำเคมีหลายครั้ง และลงเคมีที่หนังศรีษะทุกครั้ง


วิธีแก้หาเมื่อเกิดการระคายเคืองหนังศรีษะขณะทำสี

  • ใช้ไดร์เป่าผมเปิดลมเย็นเป่าบริเวณที่แสบ
  • ใช้กระปอกฉีดนํ้าฉีดบริเวณที่แสบ
  • พาลูกค้าไปที่เตียสระพรมนํ้าให้ทั่วและชุ่มทั้งหนังศรีษะ แล้วนวดสีกับนํ้าให้เข้า และสลับพรมนํ้าไปด้วย ถ้าหายแสบทิ้งสีต่อไป แต่ถ้าไม่หายแสบต้องล้างออกให้สะอาด
  • วิธีแก้ปัญหาหากลูกค้ามีอาการแพ้ที่หนังศรีษะ บางทีอาจจะมีเคมีตกค้าง ให้ล้างนํ้าอีกรอบให้สะอาดทั่วทุกที่หนังศรีษะไม่ใช้แชมพู และเช็คที่หนังศรีษะอีกรอบว่าสะอาดหรือไม่ ไม่ให้มีอะไรตกค้างที่หนังศรีษะอีก แล้วซับให้แห้ง ใช้นมจืด (ยี่ห้อใดก็ได้) ราดที่หนังศรีษะให้ทั่วๆเน้นที่มีอาการแพ้ ทิ้งไว้ 10-15 นาที นํ้านมจืดจะไปปรับค่าเคมีให้เป็นกลาง อาการแพ้จะลดลง แล้วล้าง แต่ถ้ามีอาการแพ้มากทำแล้วไม่ดีขึ้นต้องรีบไปพบแพทย์












Read full post »

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศรีษะ ก่อนทำเคมี

0 ความคิดเห็น
Farger


ทุกครั้งที่ช่างผมจะทำสีผมให้กับลูกค้า สิ่งสำคัญที่ช่างผมจำเป็นต้องทำคือ การวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศรีษะทุกด้าน ประกอบไปด้วย 

  • สภาพหนังศรีษะ ตรวจเช็คสภาพหนังศรีษะมีความผิดปกติหรือไม่ เช่น หนังศรีษะมีปัญหา เช่น การเกาหนังศรีษะเมื่อมีอาการคัน เมื่อคันก็ยิ่งเกาๆมากหนังศรีษะจะถลอก  มีแผล มีรอยแดงๆจากการเกา หนังศรีษะมีผื่นแดง มีตุ่มแดง รังแค การเป็นรังแคมีอาการคันและหนังศรีษะหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆทำให้หนังศรีษะบางลง หนังศรีษะมันหรือแห้ง หนังศรีษะแพ้ง่ายไหม



  • ความพรุนของเส้นผม สามารถเช็คได้จากเกล็ดผม ผู้ที่ผ่านการทำเคมีมาบ่อยๆ ผมจะพรุนมากเกล็ดผมจะปิดไม่สนิท จะไม่ค่อยเงาสภาพผมจะหยาบกระด้าง



  • ความยืดหยุ่นของเส้นผม การเช็คความยืดหยุ่นของเส้นผมโคนผมจรดปลายผม เพื่อให้ทราบว่า สภาพผมของลูกค้าส่วนไหนที่ยังสามารถทำเคมีได้หรือไม่

  • ขนาดของเส้นผม เช็คดูว่ามีขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ เพราะขนาดของแกนผมและเกล็ดผมจะไม่เท่ากัน



  • ประวัติการทำเคมีและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำวัน เพื่อทราบถึงประวัติการทำเคมีว่าใน 1-2 ปีที่ผ่านมา ผ่านการทำเคมีอะไรมาบ้าง และครั้งสุดท้ายที่ทำเคมีมาเมื่อไหร่ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำวัน เช่น แชพู นํ้ามันทุกชนิดที่ใช้หมักผม แว็กส์เคลือบผมทุกสี  เฮนน่า สิ่งเหล่านี้ที่อาจส่งผลทางลบต่อการทำเคมี



  • ระดับพื้นผมธรรมชาติหรือระดับความสว่างหรือระดับความเข้มปัจจุบัน  เพื่อให้ทราบว่าระดับพื้นผมที่มีความสว่างหรือเข้มที่ลูกค้าต้องการใหม่ ต่างจากระดับผมธรรมชาติหรือระดับความสว่างหรือเข้มเดิมกี่ระดับ เพื่อจะได้เลือกไฮโดเจนเปอร์ออกไซด์ที่จะใช้กี่%

  • ประกายสีผมธรรมชาติและประกายสีผมแฟชั่นปัจจุบัน เพื่อให้ทราบว่าจะต้องเลือกใช้ประกายสีใหม่อะไรบ้าง และต้องใช้แม่สีอะไรบ้างเพื่อเพิ่มประกายสีให้สดชัดขึ้น หรือใช้แม่สีอะไรบ้างในการหักล้างไรสีที่ไม่ต้องการ




















Read full post »
 

Copyright © Farger Thailand Design by Free CSS Templates | Blogger Theme by BTDesigner | Powered by Blogger